Custom Search

วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2552

Identity Theft ระวังมือดีขโมยชื่อคุณไปใช้ อันตรายมากๆ

Identity Theft เป็นอาชญากรสายพันธุ์ใหม่ที่กำลังเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างน่าตกใจ ในขณะที่ผู้คนพากันออนไลน์และเข้าเว็บไซต์กันเป็นว่าเล่น แล้วให้ข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตโดยไม่ทันคิดถึงผลเสียที่จะตามมา แหล่งข้อมูลส่วนตัวชั้นสุดยอดที่ส่งผลให้มีบุคคลนิรนามมาขโมยชื่อและข้อมูลส่วนตัวไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตก็มาจากอินเทอร์เน็ตนี่เองสร้างความเสียหายมากมาย กว่าเจ้าของจะรู้ตัวก็สายเสียแล้ว เสียทั้งเงิน ทั้งชื่อเสียง ทั้งเวลา มิหนำซ้ำยังต้องมาตามหาตัวการเพื่อพิสูจน์ตัวเองอีก คงไม่สนุกแน่... ถ้าคุณถูกละเมิดสิทธิส่วนตัวโดยมีมือดีมาสวมรอยเป็นคุณแบบนี้!

Identity Theft เป็นอาชญากรสายพันธุ์ใหม่ที่กำลังเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างน่าตกใจ ในขณะที่ผู้คนพากันออนไลน์และเข้าเว็บไซต์กันเป็นว่าเล่น แล้วให้ข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตโดยไม่ทันคิดถึงผลเสียที่จะตามมา แหล่งข้อมูลส่วนตัวชั้นสุดยอดที่ส่งผลให้มีบุคคลนิรนามมาขโมยชื่อและข้อมูลส่วนตัวไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตก็มาจากอินเทอร์เน็ตนี่เองสร้างความเสียหายมากมาย กว่าเจ้าของจะรู้ตัวก็สายเสียแล้ว เสียทั้งเงิน ทั้งชื่อเสียง ทั้งเวลา มิหนำซ้ำยังต้องมาตามหาตัวการเพื่อพิสูจน์ตัวเองอีก คงไม่สนุกแน่... ถ้าคุณถูกละเมิดสิทธิส่วนตัวโดยมีมือดีมาสวมรอยเป็นคุณแบบนี้!

Identity Theft ก็คืออาชญากรประเภทหนึ่ง ที่สวมรอยเป็นคุณ แล้วแอบเอาข้อมูลส่วนตัวของคุณไปใช้ ราวกับว่าเป็นตัวคุณเอง ไม่ว่าจะเอาไปเปิดบัญชีธนาคาร ทำบัตรเครดิต เบิกเงินออกไปจากบัญชี ขอกู้เงิน ซื้อมือถือ เอาไปสมัครงาน หรือทำพาสปอร์ตปลอม แต่ที่แย่ที่สุดก็คือเอาชื่อไปประกอบอาชญากรรม หรือก่อการร้าย เช่น ลอบวางระเบิด เป็นต้น กว่าจะรู้ว่ามีมือดีขโมยชื่อคุณไปใช้ก็อาจกินเวลาหลายเดือน หรืออาจจะเป็นปี ขึ้นอยู่กับว่า คุณเป็นคนช่างสังเกตและละเอียดมากน้อยแค่ไหน เมื่อก่อเรื่องราวให้เดือดร้อนไว้ให้แล้ว ไม่จะเป็นภาระหนี้สิน หรืออาชญากรรมร้ายๆ อาชญากรที่เป็นตัวคนร้ายจริงๆ ก็จะหนีหายไปอย่างลอยนวล พอมาย้อนรอยเพื่อตามหาผู้กระทำผิด ก็จะมาเจอคุณเป็นด่านแรก ทีนี้แหละ คุณก็ต้องหาหลักฐานมายืนยันให้ได้ว่า ไม่ได้เป็นคนทำ เรียกว่าเสียทั้งชื่อเสียงและเงินทอง ทั้งๆ ที่นั่นคือสิ่งที่คุณพยายามรักษามันมาตลอด แต่ดันมีตัวปลอมมาแอบอ้างสร้างความเสียหายให้กับคุณแบบนี้ มันย่อมไม่ดีแน่ๆ

ถ้าใครเคยดูภาพยนตร์เรื่อง The Net คงพอนึกภาพออกว่าอาชญากรลักษณะนี้เป็นอย่างไร ในเรื่องนั้น นางเอกชอบเล่นอินเทอร์เน็ตมาก ไม่มีเพื่อนฝูง ใช้ชีวิตอยู่กับอินเทอร์เน็ต สั่งซื้อทุกอย่างผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งถือเป็นจุดอ่อนเพราะข้อมูลส่วนตัวไปปรากฏอยู่บนอินเทอร์เน็ต ทำให้มีคนแอบขโมยข้อมูลส่วนตัวไปใช้ก่ออาชญากรรมโดยที่นางเอกไม่รู้ไม่เห็น แล้วนางเอกก็ต้องมาสืบหาว่าใครเป็นคนทำ แต่ในชีวิตจริงคุณคงไม่ใช่นางเอกที่เก่งฉกาจ การจะหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษจึงไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน

ที่สำคัญก็คือ อาชญากรพวกนี้ก็ไม่ใช่โจรกระจอก แต่พัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อยๆ รู้จักรอเพื่อรวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุด ยอมเสียเวลาในการค้นหาข้อมูลและตรวจสอบความถูกต้องก่อนที่จะลงมือปฏิบัติการ นอกจากการเจาะข้อมูลส่วนตัวบนอินเทอร์เน็ตแล้ว ยังมีแหล่งข้อมูลส่วนตัวอื่นอีก เช่น จากกระเป๋าตังค์ จดหมาย หรือการแอบอ้างโทรมาขอข้อมูลส่วนตัว อาชญากรพวกนี้เป็นพวกหวังรวยทางลัด จะใช้ทั้งวิธีโลว์เทคและไฮเทคในการเอาข้อมูลมายำใหญ่ใส่เป็นของตัวเองแล้วนำไปใช้อย่างชุบมือเปิบ ส่วนใหญ่จะนำข้อมูลส่วนตัวของคุณไปปลอมหลักฐานทางการเงิน เพราะได้เงินสูง ความเสี่ยงน้อย
ล้วงลึกข้อมูลลับส่วนตัว
ในขณะที่คุณกำลังเพลิดเพลินกับโลกออนไลน์ เพราะแสนจะสะดวกสบายในการจับจ่ายซื้อของ บางทีก็ไม่ทันระวังว่าจะถูกขโมยข้อมูล และขาดความใส่ใจเรื่องความปลอดภัย คุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่า ข้อมูลเหล่านั้นจะเป็นความลับสุดยอด ปรากฏการณ์อินเทอร์เน็ตก็มีส่วนช่วยให้อาชญากรรมประเภทนี้เกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย เพราะอินเทอร์เน็ตกลับกลายเป็นแหล่งข้อมูลลับส่วนตัวชั้นสุดยอดไปแล้ว

เมื่อใดก็ตามที่คุณให้ข้อมูลส่วนตัวบนอินเทอร์เน็ต โอกาสที่ข้อมูลเหล่านั้นจะกลายเป็นข้อมูลสาธารณะก็เป็นไปได้สูง เปอร์เซ็นต์เสี่ยงสูงมากถ้าคุณชอบซื้อขายของออนไลน์ หรือให้เบอร์บัตรเครดิตง่ายๆ บางเว็บไซต์นั้น ไม่ได้มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลของคุณ เผลอๆ อาจจะขายข้อมูลด้วยซ้ำ เพราะไม่มีจรรยาบรรณในการทำธุรกิจ การเก็บข้อมูลออนไลน์จึงไม่ปลอดภัยเป็นอย่างยิ่ง เพราะแค่รู้หมายเลขบัตรเครดิตและวันหมดอายุของบัตร อาชญากรก็สามารถโทรไปใช้บริการซื้อของกับร้านที่ไม่ได้มีมาตรการตรวจสอบอย่างละเอียดได้แล้ว


ดังนั้น ก่อนจะให้ข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต ขอให้คิดไว้ก่อนเลยว่าอาจมีใครแอบดูคุณอยู่ และอย่าเห็นแก่ความสะดวกสบายแต่เพียงอย่างเดียว ถ้าจำเป็นจะต้องให้จริงๆ ก็ดูดีๆ ก่อนว่า เว็บไซต์นั้นมีระบบรักษาความปลอดภัย Secure Sockets Layer (SSL) ที่มีไอคอนกุญแจเล็กๆ อยู่ข้างล่างเว็บไซต์หรือไม่ เพราะ SSL เป็นระบบที่ช่วยให้ข้อมูลที่ส่งผ่านออนไลน์ถูกเก็บไว้โดยผู้ที่มีรหัสเท่านั้นที่สามารถเปิดดูข้อมูลได้ แต่อย่าลืมว่า ระบบก็สามารถป้องกันได้ส่วนหนึ่งเท่านั้น ตัวคุณเองต่างหากที่สามารถหยุดยั้งอาชญากรรมบนโลกไซเบอร์สเปซได้

ยังมีพวกอีเมล์เจาะหารหัสลับ อาจจะส่งเข้ามาเป็นไฟล์ Application หรือ Jpeg เพราะเพียงแค่คุณคลิ้กเข้าไปดู ก็อาจจะล้วงเอารหัสลับที่อยู่ในไฟล์ของคุณแล้วส่งออกไปได้ หรือจะเป็นโปรแกรมที่สามารถตรวจสอบคีย์บอร์ดว่ามีการพิมพ์อะไรลงไปบ้าง แล้วยังมีการโจรกรรมข้อมูลของหน่วยงานราชการทางอินเทอร์เน็ตที่พวกแฮกเกอร์นิยมชมชอบกันเหลือเกิน ยิ่งถ้าหน่วยงานราชการไหนไม่ได้มีระบบป้องกันที่เข้มข้นแล้วละก็ โอกาสที่ข้อมูลส่วนตัวของคุณจะรั่วไหลออกไปก็มีสูง

นอกจากข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตแล้ว ก็ยังใช้วิธีโทรขอเอาดื้อๆ นี่แหละ โดยแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือเจ้าหน้าที่บริษัทมือถือโทรมาเพื่อขออัพเดตข้อมูล แล้วหลอกถามข้อมูลส่วนตัว ก็อย่าไปเชื่อเขา เพราะเพื่อนโดนมาแล้ว โดยอ้างว่าโทรมาจากบริษัทมือถือ แล้วถามรหัสซิมการ์ดไป ต่อมาก็มีบิลเรียกเก็บเงินว่าโทรไปต่างจังหวัด ทั้งๆ ที่ไม่ได้โทร หรืออาจจะได้จากการขโมยกระเป๋าตังค์ ขโมยจดหมายจากกล่องไปรษณีย์ แฟ้มประวัติการทำงาน จำไว้ว่าอาชญากรพวกนี้จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลลับเฉพาะของคุณ เพราะได้ไปที ก็คุ้มสุดคุ้มแล้ว
มหันตภัยร้ายที่ยังไร้การควบคุม
เนื่องจาก Identity Theft เป็นอาชญากรพันธุ์ใหม่ บทลงโทษยังไม่รุนแรง เพราะส่วนใหญ่จะหาผู้กระทำความผิดไม่ค่อยเจอ ลองคิดดูสิว่า ถ้าคุณตกเป็นแพะรับบาป ในเรื่องเสื่อมเสียที่คุณไม่ได้ทำ แต่หลักฐานมันผูกมัดคุณอย่างนั้น ชีวิตคุณจะเศร้าสักแค่ไหน ยิ่งอินเทอร์เน็ตเปิดโลกกว้างให้ทุกคนได้เข้ามาสัมผัส สร้างความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้ พอใช้สบาย คนก็ติดใจ จนบางครั้งก็ลืมคิดไปถึงผลเสียที่อาจจะตามมาได้เหมือนกัน

แล้วคุณแน่ใจได้อย่างไรว่าธุรกรรมออนไลน์ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ บริษัทต่างๆ ก็พยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้คนเชื่อว่าเว็บไซต์ของตัวเองปลอดภัย เพื่อกระตุ้นการใช้ ไม่ว่าจะเป็นการนำระบบ SSL เข้ามาใช้ แถมยังมีการนำโลโก้ว่าผ่านการทดสอบว่าเป็นเว็บไซต์ที่ปลอดภัย (คล้ายๆ โลโก้ ISO) เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า แต่ในกรณีที่บางเว็บไซต์ที่ไม่มีการควบคุมแบบนี้ ก็ต้องตัวใครตัวมัน ทางที่ดีอย่าไปใช้บริการเป็นดีที่สุด อีเมล์ก็ตัวดี ถ้ามีคนส่งไฟล์แปลกๆ มาให้ละก็ ให้คิดไว้เลยว่า ต้องมีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติ ไม่จำเป็นก็อย่าเปิดไฟล์นั้นเลย เพราะไฟล์นั้นอาจจะเจาะข้อมูลส่วนตัวคุณไปก็ได้

โปรแกรมแชตก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ต้องระวัง โปรดจำไว้ว่าอย่าให้เบอร์บัตรเครดิตหรือรหัสเวลาคุยออนไลน์เป็นอันขาด เพราะจะเปิดโอกาสให้อาชญากรพวกนี้ถือโอกาสขโมยข้อมูลส่วนตัวคุณไปใช้อย่างสบายใจเฉิบ

อาชกรพวกนี้ เพียงแค่ได้เบอร์บัตรเครดิต ก็เอาไปซื้อของได้แล้ว ถ้าได้เอกสารก็เอาไปเปิดมือถือ เพราะง่ายสุดๆ และตอนนี้ก็กำลังระบาดหนักเลย พวกมือถือราคาถูกๆ ซื้อแล้วมีโปรโมชันพิเศษไม่ต้องจ่ายค่าบริการ หลักการก็ง่ายๆ แค่เพียงขโมยเอาเอกสารคุณไป ขโมยจากไหนน่ะหรือ บางทีก็จากการไปหลอกขอยืมบัตรประชาชนชาวบ้านที่ไม่ค่อยรู้เรื่องว่าจะต้องรวบรวมรายชื่อคนไปก่อตั้งบริษัทเปิดใหม่ โดยให้ค่าบัตรคนละ 200 บาท หรือบางทีก็จากบริษัทที่ตั้งขึ้นมาปลอมๆ เพื่อหลอกเอาเอกสารสำคัญที่คุณส่งเข้ามาเพื่อสมัครงาน จริงๆ แล้วผู้เขียนจะแอนตี้การส่งหลักฐานสำคัญในการสมัครงานไปด้วยอย่างมาก เพราะคิดว่าเข้าไปเป็นพนักงานแล้วค่อยให้ก็ยังไม่สาย

ในตอนนี้ที่ต่างประเทศเขากำลังคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งเป็นระบบรักษาความปลอดภัยชนิดใหม่ที่เรียกว่า Biometrics โดยใช้อวัยวะในร่างกายคุณเป็นรหัส ไม่ว่าจะเป็นลายนิ้วมือ ดวงตา หน้า เสียง เพื่อลดความกังวลว่าคุณจะโดนขโมยรหัส นอกเสียจากว่าขโมยจะลักพาตัวคุณไปด้วยนั่นแหละ ก็ไม่แน่ว่าระบบนี้อาจจะนำมาใช้กันมากขึ้นก็ได้ ถ้ายอดอาชญากรรมอย่างนี้ยังคงไม่ลดลงและยังหาทางควบคุมไม่ได้
เคล็ดลับป้องกันตัวเองให้พ้นภัย
การป้องกันที่ดีที่สุดที่น่าจะทำได้ก็คือ ควรหลีกเลี่ยงการให้ข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต อย่าให้ข้อมูลส่วนตัวถ้าไม่จำเป็น โทรศัพท์ไปบอกจะดีกว่า ถ้าอยากซื้อของออนไลน์ ให้หลีกเลี่ยงการซื้อด้วยบัตรเครดิต เวลาคุยออนไลน์ ก็อย่าไปคุยเรื่องส่วนตัวมากนัก เพราะอาชญากรพวกนี้อาจกำลังพยายามรวบรวมข้อมูลของคุณมาปะติดปะต่อเพื่อรอเวลาลงมือปฏิบัติการก็เป็นได้ แล้วถ้ามีคนส่งไฟล์มาให้คุณบ่อยๆ ก็ต้องหมั่นสแกนดูไวรัสก่อน เพราะไวรัสบางไฟล์อาจเข้าไปขโมยไฟล์อื่นแล้วส่งออกไปได้ เมื่อเข้า อีเมล์ก็ต้อง log off ด้วยทุกครั้ง เพราะอาจมีคนสวมรอยมาเปิดดูข้อมูลของคุณได้

เอกสารสำคัญต่างๆ เช่น บัตรประชาชน บัตรประกันสังคม ทะเบียนบ้าน จดหมายชักชวนสมัครบัตรเครดิต ต้องฉีกทำลายก่อนทุกครั้งถ้าคิดจะทิ้ง เพราะถ้าเกิดมีคนมาขโมยไปสมัครในชื่อคุณ แล้วแจ้งเปลี่ยนที่อยู่ กว่าจะรู้ตัว คุณก็โดนเรียกเก็บค่าใช้จ่ายอานไปเลย พวกที่ชอบทำกระเป๋าตังค์หาย ก็ต้องรอบคอบมากขึ้น ต้องแจ้งอายัดทุกบัตร พยายามถ่ายสำเนาเอกสารทุกอย่างไว้ เวลายกเลิกหรืออายัดจะได้ง่าย บัตรเอทีเอ็มก็อย่าไปเขียนรหัสไว้ ให้แยกอยู่กันคนละที่ พยายามอย่าใช้วันเกิดตัวเองเป็นรหัส เพราะถ้ามีบัตรประชาชนก็สามารถเดาได้เลย ควรตั้งรหัสให้ยากแก่การเดาด้วย และควรพกบัตรที่จำเป็นต้องใช้เท่านั้น ส่วนที่เหลือเก็บไว้ในที่ปลอดภัย บัตรเครดิตก็ไม่ต้องไปสมัครไว้เยอะเพียงเพราะเห็นแก่ของแถมฟรี

เวลาให้เอกสารที่ต้องทำสำเนาถูกต้องไว้ ให้เขียนกำกับด้วยว่าเอกสารนี้ใช้เพื่อประกอบการใด สำหรับผู้ที่ใช้บัตรเครดิต เวลาได้รับใบแจ้งหนี้บัตรเครดิตทุกครั้ง ก็ให้ดูว่ามียอดแปลกปลอมหรือไม่ บางทีอาชญากรพวกนี้ ก็ค่อนข้างฉลาด แอบใช้ในยอดน้อยๆ โดยที่เจ้าของไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง และหากไม่ได้รับใบแจ้งหนี้บัตรเครดิตนานเกินควร ก็ให้รีบตรวจสอบทันที

ในเมื่อยุคนี้เป็นยุคข้อมูล ใครที่มีข้อมูลก็เป็นต่อ รวมถึงอาชญากรด้วย เราต้องรู้จักวิธีป้องกันตัวเอง ให้นึกไว้เสมอว่า กันไว้ดีกว่าแก้ อาชญากรรมแบบนี้จะไม่ลดลงแน่ ถ้าคนไม่เปลี่ยนพฤติกรรมในการให้ข้อมูลส่วนตัว จงจำไว้ว่า ความประมาทและชะล่าใจเป็นบ่อเกิดแห่งอันตราย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น